When practitioners ask us to evaluate their personality and tell us to give it to them straight, we do a cost-benefit analysis and sometimes we end up dishing it out. So why is it that we often hear excuses like, “the only reason you would think that is because I’m a different person around you,” or “I used to be that way a while ago, but I’ve changed”?
When it comes to positive things about our character, we are all ears. But when it comes to negative things about our character, we close up and go into denial mode. It pains us to be wrong, to even consider that we are at fault for the things we’ve conveniently pinned on others. But, without accepting that we are wrong, we can’t move on, we can’t progress. If we’re right, like we so desperately want to be, what is there to progress from? And are we right, that we don’t have a reason to change? Is this residual guilt, this nagging anxiety, this inability to be in the same room as someone, is this what it feels like to be right?
If we want to change or improve our lives, we have to get past the biggest barrier to entry: being wrong. Admitting that we have a wrong perception, and that it has directed us into countless conflicts and will continue to lead us straight into countless more, is not easy. Then again, the best things in life don’t tend to be easy.
นักปฏิบัติหลายคนขอให้ช่วยดูว่านิสัยเด่นของเขาเป็นอย่างไร เราเองไม่มีอะไรจะได้จากการพูดเรื่องอย่างนี้ไป มีแต่เขาจะเกลียดเรา ต้องคิดหนักว่าควรพูดหรือไม่ พอพูดก็มักจะได้ยิน “ไม่นะ อาจเข้าใจเราผิดเพราะที่เราทำต่อหน้านี่ไม่ใช่เราที่แท้จริง กับกลุ่มอื่นๆ เราไม่ได้เป็นแบบนี้” “เมื่อก่อนใช่เลย แต่ตอนนี้เปลี่ยนไปแล้ว ไม่เป็นแล้ว”
พอเป็นเรื่องดีๆ หูตั้ง อยากฟัง พอเป็นเรื่องไม่ดี จะปิดประตูและปฏิเสธท่าเดียว เพราะถ้าเราผิดจริงๆ แล้วเรื่องราวมากมายที่เราโทษคนอื่นไปแล้วล่ะ แต่ถ้าไม่ผิดจริงเราก็ไปไหนไม่ได้ เดินหน้าไปไม่ได้ ถ้าเราถูกเหมือนที่เราหวังไว้ แล้วเราจะเอาอะไรมาแก้ไขปรับปรุงล่ะ แล้วดูดีๆ เราถูกจริงไหม ที่เราแก้ความรู้สึกผิดในใจไม่ได้ ที่เราเครียด ที่เราทนที่จะอยู่ในห้องเดียวกันกับคนคนนึงไม่ได้ นี่หรือความรู้สึกของคนที่ถูก?
ถ้าเราอยากที่จะแก้นิสัยของเรา อันดับแรกคือต้องผ่านอุปสรรคอันใหญ่ที่สุดคือ การยอมรับว่าเราผิดจริงๆ มันไม่ง่ายที่จะยอมรับว่าเรานี่แหละมีความเห็นผิด ความเห็นผิดนี้นำพาให้เราสร้างปัญหามาแล้ว แล้วก็จะนำพาเราไปสร้างปัญหาอีกมากมาย มันไม่ง่ายเลยที่จะเห็นตัวเองผิด แต่สิ่งดีๆ ก็ไม่เคยง่ายอยู่แล้ว
No Comments