Costco returns

image

Today, I witnessed a customer returning batteries. The Costco employee took them back, and said, “ma’am, you bought these back in 2012. Please return things in a more reasonable amount of time next time.” The customer said, with a straight face, “Oh, I didn’t even notice the date on it.”

Costco has a ridiculous return policy, opening the door for people to take advantage. After the Super Bowl, there are long lines to return big screen televisions along with half-eaten party platters and jugs of orange juice. The worst, an employee once told me, was a man who returned a bag of month-old bagels so moldy that all that was left in the bag was green dust.

It’s easy to lean on a return policy like this, and even love Costco for it. But  this generous policy must come at a cost. Who’s footing the bill? It may be easy for us to think that it’s a big, faceless corporation like Costco, but that might not be entirely true. Each Costco card-holding member pays an annual membership fee, and the vendors are the ones who take back those returned products. Sure, sometimes those vendors are big, faceless corporations. But sometimes they’re small companies already taking a big cut, sometimes not even profiting, from placing their products in Costco warehouses.

Every one of our actions has an effect, whether we see it or not. Just because we cannot imagine how returning a half-eaten tray of baked cinnamon rolls is going to hurt us, it doesn’t mean it won’t. When those bearing the brunt of those returns suffer, the market dynamics change, and who do you think gets affected by those changes? All of us. So the next time you consider taking advantage, take a second to consider if you’re really winning after all.

วันนี้ไปคอสโก้ เห็นลูกค้าคนนึงเอาถ่านมาคืน พนักงานก็รับไว้และบอกลูกค้าว่า “คุณซื้อถ่านนี้ตั้งแต่ปี 2555 นะค่ะ คราวหน้าช่วยคืนของในช่วงเวลาที่เหมาะสมกว่านี้นะค่ะ” ลูกค้าก็ทำหน้าเซ่อแล้วพูดว่า “อุ้ย ยังไม่ทันดูวันหมดอายุเลย”

ร้านคอสโก้มีนโยบายการคืนของที่ย่อหย่อนมาก ซึ่งทำให้คนเอาเปรียบแบบหน้าด้านๆ มาก หลังจากงานใหญ่ๆ เช่นซุปเปอร์โบว์ลคนก็จะหอบทีวีมาคืนกันเป็นฝูง คืนน้ำส้มที่เหลือครึ่งขวด คืนถาดอาหารที่เหลือเพียงไม่กี่คำ พนักงานที่คอสโก้เคยคุยให้ฟังว่าแย่ที่สุดที่เขาเคยเจอคือผู้ชายคนนึงที่คืนขนมปังถุงนึงที่ซื้อไปตั้งแต่เดือนก่อนแล้วลืมไว้หลังรถจนขึ้นราและเหลือแค่ฝุ่นเขียวๆ

มันง่ายมากที่จะเอาเปรียบนโยบายคืนของแบบนี้ ง่ายที่จะหลงชอบร้านคอสโก้มากกว่าเดิมเพราะเราจะซื้อจะคืนอะไรก็ได้หมดเลย แต่นโยบายแบบนี้ต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งรับผิดชอบค่าเสียหายสิ แล้วใครหละ ใครเป็นผู้เสีย อาจจะง่ายที่จะคิดว่าเป็นบริษัทคอสโก้ที่เสีย เขาเอาเงินเราไปเยอะอยู่แล้ว เราจะเอาเปรียบนิดๆ หน่อยๆ ก็ไม่เห็นเป็นไร แต่อาจจะไม่จริงว่าเป็นบริษัทคอสโก้ที่รับผิดชอบ สมาชิกแต่ละคนต้องจ่ายค่าเป็นสมาชิกทุกปี และบริษัทที่เอาของมาวางที่คอสโก้เป็นผู้รับของคืน

แม้ว่าเราจะรับรู้ถึงผลนั้นหรือไม่ก็ตาม ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำลงไปมีผลหมด  แค่เพียงคิดไม่ออกว่าคืนขนมที่กินไปแล้วครึ่งนึงจะมีผลอะไรต่อเราได้ ไม่ได้แปลว่าผลนั้นจะไม่มีจริง เมื่อบริษัทและคนที่ต้องรับผลจากการกระทำของเราต้องปรับและเปลี่ยนแปลงอะไรต่างๆ ตลาดก็เปลี่ยนไปทีละนิดๆ แล้วใครหละจะรับผลกระทบจากตลาดนั้น ทุกๆ คน   คราวหน้าที่คิดจะเอาเปรียบเพราะ “ไม่มีผลกระทบถึงเราหรอก” หยุดคิดหน่อยก็ดีว่าเราได้เปรียบจริงเหรอ

No Comments

Leave a Reply

Your email is never shared.Required fields are marked *