I went to a landlord class two weeks ago. The topic was one I was unfamiliar with, and it was my first time attending classes with this organization. Sitting in that class, absorbing the information and horror stories other students were telling, I felt unexperienced. Many people in the class were landlords who owned many multi-unit apartment buildings and had faced ten times more complicated problems compared to me
Yesterday, I attended another class held by the same organization, in the same building. This time the subject was one I had some knowledge and experience with. Sitting in this class, I knew the answers to questions other students were asking, and I felt like my bad experience with tenants was far worse than theirs. I felt experienced. The other people in the class, even the white haired old folks, seemed to own fewer units than I did.
I walked out of the first class feeling like an amateur, in awe of my classmates for overcoming their complex tenant issues. I walked out of the second class feeling like a pro, like I had already been through a war, while my classmates may never even get to fight a single battle.
What was interesting was that in the few days that separated the two classes I attended, I hadn’t acquired or sold any properties. I hadn’t encountered any new tenant issues. Nothing had changed. Being in the same place, at the same time of day, attending similar classes, and coming out with opposite results, made me see, quite clearly, that what changed was my perspective.
With one set of information, I labeled myself an amateur. With another set of information, I labeled myself a seasoned pro. So what was I? An amateur or a pro?
Allowing ourselves to be swayed by how we perceive external situations and affected by the opinions of others is like riding a rollercoaster of self-worth. How silly is it for us to believe that situations or words can lend us new identities? No one is a better judge of who we are than ourselves. We are the one who is most qualified to rate our own failures and accomplishments. So why do we allow ourselves to question who we are when faced with different circumstances?
สองอาทิตย์ที่แล้ว ได้ไปนั่งเรียนเรื่องที่สำคัญสำหรับเจ้าของบ้าน เป็นเรื่องที่ไม่คุ้นเคย และก็เป็นครั้งแรกที่สมัครเรียนกับโครงการนี้ เราก็นั่งฟังครู ฟังเจ้าของบ้านอื่นๆ เล่าเรื่องโหดๆ ที่พวกเขาเคยเจอกัน รู้สึกเหมือนกับว่าเราเด็กมาก ยังไม่มีประสบการณ์อะไรเลย คนอื่นๆ ที่นั่งเรียนอยู่ด้วยกันก็เป็นเจ้าของตึกใหญ่ๆ หลายๆ ตึก และก็ผ่านเรื่องร้ายๆ มาเยอะมาก ปัญหาของเราเทียบไม่ได้เลย
เมื่อวาน ก็ไปเรียนกับโครงการเดิม ที่ตึกเดิมอีก คราวนี้หัวเรื่องเป็นเรื่องที่คุ้นเคย มีประสบการมาแล้ว นั่งเรียนไปคำถามที่นักเรียนอื่นๆ พากันถามครูเราก็ตอบได้หมด รู้สึกว่าปัญหาที่เราได้เจอมา กับลูกบ้านที่แย่ๆ มันชั่งแย่กว่าปัญหาของนักเรียนคนอื่น เรามีประสบการณ์เยอะจัง แม้คนที่แก่กว่าเรา ผมข่าวไปหมดหัวแล้วก็ตาม ยังไม่ได้เป็นเจ้าของที่ดินเยอะเท่าเราเลย
เดินออกจากห้องเรียนห้องแรก รู้สึกไม่รู้อะไรเลย มือใหม่มาก เห็นว่าคนอื่นๆ เก่งจังเลย ที่สามารถแก้ปัญหายากๆ ได้ เดินออกจากห้องเรียนห้องที่สอง รู้สึกว่าเราเก่งมาก เมือนเคยออกรบผ่านศึกมาแล้ว คนอื่นจะได้ไปรบไหมชาตินี้ก็ยังไม่รู้เลย
ที่น่าสนใจก็คือ ช่วงเวลาไม่กี่วันระหว่างคลาสสองคลาสที่ไปเรียนมา ไม่ได้ซื้อขายบ้าน ไม่ได้มีปัญหากับคนที่เช่าบ้าน ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเลย การที่ไปอยู่สถานท่ีเดิม วันเวลาเดิม ไปดรียนแบบเดิม แล้วมีผลออกมาที่ตรงกันข้าม ทำให้เห็นอย่างชัดเจนว่า สิ่งที่เปลี่ยนคือความเห็นของเรานี่เอง
ด้วยข้อมูลแบบนึง เราก็ว่าเรามือใหม่มาก ด้วยข้อมูลอีกแบบนึง เราก็ว่าเราเก่งชำนาญมาก แล้วเราเป็นคนไหนกันแน่
การที่ให้สิ่งภายนอกกระทบเรา ทำให้ค่าของตัวเราขึ้นลงได้แบบนี้ มันเหนื่อยมาก เราจะเชื่อว่าคำพูดทำให้เราเป็นหรือไม่เป็นอะไรได้ ได้อย่างไง เราเองที่จะสามารถให้ค่าตัวเราดีที่สุด เพราะเรารู้ดีว่าเราสำเร็จไม่สำเร็จในเรื่องต่างๆ อะไรบ้าง แล้วทำไมเรายังอนุญาตให้ตัวเราเองงงว่าเราคือใครกันแน่ เมื่อเราออกไปเจอกับบสถานการณ์ต่างๆ หละเนี่ยยยย
No Comments