Parallel

Me: I just can’t understand why on earth someone would speed up when I am already about to pass them. So annoying.

Mom: Is it possible that he didn’t see you?

Me: He had to have seen me. He was going normal speed until he saw me starting to pass him, then he went all turbo speed. He did this many times.

Mom: Is it possible he was reacting because he was surprised and not trying to resist your passing him? I would’ve been surprised.

Me: No way! Even if you don’t know or understand the rules, it is common sense that if someone faster is going to pass you, you maintain or slow your speed as a courtesy. It is rude to fight it.

I may not challenge getting passed in a swimming pool or while driving on the freeway, so the frustration felt when someone resists my attempt to pass may seem justified. However, my attitude doesn’t indicate that I’ve resolved the issue. I’ve been taught that whenever I can’t draw a parallel to the situation based on the details, to take a step back and ask myself if the theme sounds familiar. Passing. When have I resisted someone’s passing in general?

Well, I wasn’t allowing my mom to pass. I wasn’t allowing her opinion to enter my lane. I was determined to go turbo with my opinion. I was guilty of fighting the inevitable too. I had my reasons for resisting, as I had my reasons for passing. Being on both sides of the equation made it clear to me that if the guy I passed was wrong for challenging and resisting, then I was wrong with my mom, too. If I wasn’t wrong, then that guy wasn’t wrong either. You can’t have it both ways.

นิชา: ไม่เข้าใจจริงๆ เรากำลังจะผ่านเขาอยู่แล้ว เขาจะเร่งทำไม น่ารำคาญ

แม่: เป็นไปได้ไหมว่าเขาไม่เห็นเรา

นิชา: เป็นไปไม่ได้หรอก เขาต้องเห็นเรา เขาไปเรื่อยๆ ของเขา พอเขาเห็นเราแล้ว ก็เร่งสุดฤทธิ์ทันที ทำหลายครั้งด้วย

แม่: เป็นไปได้ไหมว่า เขาเร่งเพราะตกใจ ไม่ใช่เพราะจะเร่งให้เร็วขึ้น ถ้าเป็นแม่นะ แม่จะตกใจ

นิชา: ไม่นะ ถึงจะไม่รู้กฎก็ตาม ใครๆ ก็รู้ว่าถ้าคนเร็วกว่าเรากำลังจะผ่าน เรา ก็ต้องคงความเร็วหรือช้าลงสิ มันเป็นมารยาท การสู้มันเสียมารยาทนะ

เราเองไม่ต้านตอนคนจะผ่านเราในสระว่ายน้ำ หรือตอนขับรถ เราก็เลยรู้สึกว่าความไม่พอใจของเรามันสมแล้ว แต่ความรู้สึกมันบ่งบอกว่าเรายังไม่พอดี ในใจเราเรื่องมันยังไม่จบ อาจารย์สอนว่าถ้าเราไม่สามารถน้อมว่าเราก็เคยทำแบบนั้น เพราะเราไม่เคยทำแบบนั้นเป๊ะๆ ให้ถอยมานิดนึง เอาแค่หัวข้อมาดู คือ ผ่าน เราเคยต้านการที่จะโดนผ่านบ้างไหม

ก็เราไม่ให้แม่ผ่านไง ไม่ให้ความเห็นของแม่เข้ามาในเลนเรา เราก็เอาความเห็นของเรามาเร่งสุดฤทธิ์เหมือนกันแหละ เราก็ต้านและสู้สิ่งที่จะเกิดอยู่แล้ว เราก็ว่าเรามีเหตุผลที่ดีตอนที่เราผ่านเขา และก็มีเหตุผลที่ดีตอนที่เราต้านการผ่านด้วย ทีนี้เพราะเราเคยอยู่ทั้งสองฝ่าย เราก็เลยเห็นว่าถ้าผู้ชายที่ต้านเราผิด เราที่ต้านแม่เมื่อกี้ก็ผิด แต่ถ้าเราไม่ผิด ผู้ชายคนนั้นก็ไม่ผิดเหมือนกัน จะเอาอย่างไรดี จะถูกทั้งหมดไม่ได้

No Comments

Leave a Reply

Your email is never shared.Required fields are marked *