Strategy

I find it interesting when people tell us they have nothing to think about.
For me, there’s always something to think about. A few Sundays ago, I walked into a buffet at noon and noticed that the salads that were usually overflowing were all running low.

image

I looked behind me and there was a steady stream of people adding to the line, and no attendant with a refill bowl in sight. What would be the right thing to do? Scoop as much as I wanted because I got there first? Scoop a little bit or not at all, so there’s enough left for others? Wave an attendant over to refill the bowls? Was that my responsibility?

I looked ahead of me in line and saw a family with two young children inching along, scooping veggies and pushing their high-chair and stroller. They were holding up the line. More importantly, the next item I wanted was a few steps in front of them. Do I patiently wait and inch along after the family of four? Do I break out of line and quickly walk over to the items I want? And if I do that, do I say, “excuse me,” ask permission, or say nothing at all? Do I smile?

This is where dhamma practice is, in everyday occurences. It’s simply thinking about the things you already think about, but with focus, under a theme. For instance, if I were thinking about self and self belongings, I could focus on my place in line, my favorite salad, my time, my money’s worth. And of course, factor in the 3CC and TTP – what suffering was I feeling, what changes would adjust my view of the situation, how can my sense of ownership and associated rights change, what was the path of least resistance, the path of greatest resistence, the path of least harm?

Finding the point of moderation, the middle ground in that particular situation, takes some thought. And after you’ve made a decision and acted upon it, there’s the aftermath to contemplate on. Everywhere you look, there’s something to think about. If you still can’t find a topic of your own, I’ll find one for you!

น่าประหลาดใจตอนได้ยินคนพูดว่า ไม่มีเรื่องจะคิด สำหรับนิแล้ว มีเรื่องให้คิดตลอดเวลาเลย วันอาทิตย์ประมาณบ่ายโมง ไปกินข้าวที่ บุฟเฟ่ต์ สังเกตว่าสลัดที่เคยเต็มจนล้นมีคนตักไป จนเกือบจะหมด

มองไปข้างหลัง ก็เห็นคนเดินเข้ามาต่อแถวอยู่ เรื่อยๆ และก็ไม่เห็นมีคนงานเดินมา เติมสลัดเลย เราควรจะทำอย่างไรดีถึงจะถูกต้อง ตักเท่าที่อยากเพราะเราไปถึงก่อน ตักนิดเดียว หรือไม่ตักเลย จะได้มีพอให้คนข้างหลัง เรียกให้คนงานมาเติมสลัด มันเป็นหน้าที่ของเราไหม

มองไปข้างหน้า ก็มีพ่อ แม่ ลูกสอง เดินไป ตักอาหารไปผลักรถเข็นไปอย่างช้าๆ ทำให้ทุกคนช้าไปตามๆ กัน ที่สำคัญกว่านั้นคือ อาหารที่เราอยากตักอยู่ข้างหน้าเขาอีกนิดเดียว เราควรรอไปเรื่อยๆ แล้วเดินตามหลังครอบครัวนี้ไหม หรือเดินแซงแถว ตรงไปถึงอาหารที่เราต้องการเลย ถ้าทำอย่างนั้น ควรขอโทษเขาก่อนไหม ต้องขออนุญาตเขาไหม ต้องพูดอะไรไหม ต้องยิ้มไหม

ธรรมะก็อยู่ตรงนี้แหละ กับเหตุการณ์ประจำวัน กับสิ่งที่เราคิดๆ กันทุกวัน แค่เพียงเอาความคิดพวกนี้มาจัดลงหัวข้อธรรมะ เช่นถ้ากำลังคิดเรื่องตนและของของตน ก็พิจารณาที่ของเราในแถวนี้ สลัดโปรดของเรา เวลาของเรา เงินเรา ค่าของเงินเรา และก็อย่าลืม ไตรลักษณ์ และ ทุกข์ โทษ ภัย เรารู้สึกทุกข์ตอนช่วงไหนบ้าง ถ้ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไป เราจะเปลี่ยนความเห็นความรู้สึกไหม ความเป็นเจ้าของเปลี่ยนได้ในช่วงไหน แบบไหนได้บ้าง การตัดสินใจแบบไหนที่จะยากที่สุด ง่ายที่สุด สร้างโทษน้อยที่สุด

จุดแห่งความพอดีของเหตุการณ์นั้นมันหายาก ต้องใช้เวลาคิดพิจารณา และพอตัดสินไปแล้ว ทำไปแล้ว ก็ต้องมาคิดพิจารณาต่ออีกว่า ตัดสินใจไปถูกไหม มองไปทางไหนก็มีเรื่องให้พิจารณาไปหมด ถ้ายังหาเรื่องคิดไม่ได้อีก เดี๋ยวช่วยหาให้ก็ได้นะ

No Comments

Leave a Reply

Your email is never shared.Required fields are marked *